ถูกรางวัลที่ 1เสียภาษีเท่าไหร่ ถ้าหากถูกรางวัลที่ 1 หรือได้รับรางวัลก้อนโตจาการเสี่ยงโชคทางด้าน หวย หรือลอตเตอรี่ และคงเป็นสิ่งหลายคนที่ใฝ่ฝันว่า จะถูกรางวัลที่ 1สักครั้งในชีวิต และรางวัลที่เราได้รับจากการเสี่ยงโชคนั้น ก็ใช่ว่าจะได้มาฟรีๆ เมื่อไหร่กัน เพราะจะต้องมีภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามาอีกด้วย อย่างที่เคยเห็นในข่าวบ่อยๆที่ว่ามีคนถูกรางวัลนับเป็น หลักล้าน หลักสิบล้าน กลับมาก็จะต้องโดนเรียกเก็บภาษี ย้อนหลังจำนวนมาก จนถือว่าเป็นความโชคดี กลายเป็นความโชคร้ายซะอย่างนั้น
เพราะฉะนั้น ทางที่ดีมาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า ว่าการได้รับเงินรางวัลแล้วนั้น จะต้องโดนเรียกเก็บภาษีอะไรยังไงบ้าง เผื่อวันไหนมีความโชคดีบุญก้อนใหญ๋ ทีบขึ้นมา จะทำให้ไม่ทันจะตั้งตัวกันถูก
การถูกรางวัลลอตเตอรี่นั้น หรือการรางวัลจากการชิงโชคต่างๆ ทไม่ว่าจะชิงโชคในรายการทีวี หนังสือพิมพ์ต่างๆ รางวัลที่ได้รับมานั้นล้วนแล้วจะต้องมีการเรียกเก็บภาษีทั้งนั้น โดยรางวัลแต่ละเปภ จะถูกเก็บภาษีในรูปแบบ และอัตราที่แกตต่างกันออกไป ส่วนจะดดนเรียกเก็บภาษีเท่าไหร่นั้น ตามแล้วแต่รูปแบบ
โดยจะสามารถแบ่งออกตามประเภทของรางวัลออกเป็น 2ส่วนหลักๆ ได้แก่ สลากกินแบ่งรัฐบาล และรางวัลจากการชิงโชคอื่นๆ โดยมีรูปแบบการเรียกเก็บภาษี ดังนี้
หากถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล ผู้ที่ถูกรางวัลจะต้องมีการโดนหักค่าอากรแสตมป์ หรือภาษีหัก ณ. ที่จ่ายทันทีที่ได้ไปขึ้นเงิน ในอัตรา 0.5 % ของเงินรางวัลนั้นๆ หากถ้าเป็นสลากแบบธรรมดา แต่ถ้าหากเป็นสลากกุศลชุดพิเศษนั้น จะต้องดดนหักภาษี ณ. ที่จ่าย มีอัตรา 1 % โดยทั้งหมด 2แบบจะได้รับ การยกเว้นภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา ที่จะทำให้ไม่ต้องไปนำเงินรางวัลไปยื่นภาษีประจำปีอีก
2. เงินรางวัลชิงโชคอื่นๆ
แต่ถ้าหากเป็นเงินรางวัล จากการชิงโชคอื่นๆ นั้นเช่นการส่งรหัสใต้ฝา ทายผลบอลโลก หรือร่วมตอบคำถามร่วมสนุก เป็นต้นไป โดยจะดดนเรียกเก็บภาษีหัก ณ. ที่จ่าย ในอัตรา 5 %
รวมทั้งหมดจะต้องนำมูลค่าเงินรางวัลไปรวมกับเงินที่ได้ เพื่อไปยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประจำปีอีกด้วย เพราะถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมิน ประเภทที่ 8 แห่งประมวลรัษฎากร หรือมาตรา 48 (8)
สามารถคำนวณได้แบบง่ายๆ คือ สมมุติว่าเรานั้นถูกรางวัลลอตเตอรี่ 60 ล้านบาท เราก็จะดดนเรียกหหักภาษี ณ. ที่จ่ายไป 0.5 % หรือคิดเป็นจำนวนเงินเป็น 300,000 บาท
ดังนั้น สรุปแล้วว่าเรานั้นก็จะได้รับเงินรางวัลสุทธิ์อยู่ที่ 59.70 ล้านบาท โดยจะไม่ต้องนำเงินจำนวนนี้ไปคิดภาษีเงินประจำปี
อย่างที่ได้กล่าวไว้ คือจะต้องโดยเรียกหักภาษี 2ต่อ โดยต่อแรกนั้นจะเป็นภาษีหัก ณ . ที่จ่ายไปจำนวน 5 % เช่น การส่งรหัสใต้ฝาชิงโชค ได้รับรางวัลเป็นเงินสดจำนวน 10 ล้านบาท เราก็จะโดนหักภาษี ณ. ที่จ่าย ภายในวันแรกที่ได้รับเงินรางวัลเป็นจำนวน 500,000 บาท
หลังจากนั้น ถึงนำมูลค่าเงินรางวัลที่ได้รับนั้น รวมกัน 10ล้านบาท ไปรวมกับเงินอื่นๆ ของเรา เพื่อจะได้นำไปยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี ซึ่งจะโดนเก็บแบบอัตราเป็นขั้นบันได ตั้งแต่ 5 % ไปจนถึง 35 % ขึ้นไปอยู่กับรายได้สุทธิ์ของเราตามนี้
เงินได้สุทธิ์ต่อปี | อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา |
0- 150,000 บาท | ได้รับการยกเว้น |
150,001- 300,000 บาท | 5 % |
300,001- 500,000 บาท | 10 % |
500,001- 750,000 บาท | 15 % |
750,001 – 1,000,000 บาท | 20 % |
1,000,001 – 2,000,000 บาท | 25 % |
2,000,001- 5,000,000 บาท | 30 % |
5,000,001 บาทขึ้นไป | 35 % |
ทั้งนี้ ทั้งนั้น หากเป็นในกรณีที่มีมุลค่าเงินรางวัล รวมกับเงินได้สุทธิ์อื่นๆ ไม่ถึง 150,000 บาท คือ ต่ำกว่าเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี เงินได้บุคคลธรรมดา ถ้าหากเป็นแบบนี้ เรายังสามารถยื่นภาษีเพื่อขอคืนภาษีส่วนที่ดดนหัก ณ. ที่จาย 5 % ได้
ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าหากเป็นนักเรียนที่ไม่มีรายได้แล้วนั้น ส่วนอื่นเลยถูกรางวัลชิงโชครับเงินรางวัลจาก การชิงโชคได้รับเงินสด 50,000 บาท ทำให้โดนหักภาษี ณ. ที่จ่าย 5 % เป็นจำนวน 2,500 บาท แต่เมื่อถึงปลายปีนั้น พอคำนวณเิงนได้สุทธิ์แล้ว ถ้าหากเป็นเด็กนักเรียนคนนี้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ ที่จะต้องเสียภาษี ก็จะสามารถยื่นภาษี เพื่อทำเรื่องขอคืนเงินได้เป็นจำนวน 2,500 บาท ที่เคยจ่ายไปได้ด้วย
เงินรางวัลที่ได้รับจากการชิงโชคนั้น ที่ไม่ใช่สลากกินแบ่งรับบาล จะต้องนำมาเป็นเงินภาษีประจำปีอีกด้วย เพราะถูกจัดเป็นเงินได้พึงประเมิน ประเภทที่ 8 โดยสรรพากรอนุญาติให้ หักค่าใช้จ่ายได้ตามจริงเท่านั้น โดยไม่สามารถหักแบบเหมาจ่ายได้ รวมไปทั้งนี้ไม่สามารถนำค่าลอหย่อนส่วนตัวอื่นๆ มาหักอีกด้วย
ยกตัวอย่างเงินรางวัลชิงโชค เช่น นาย A สิ่งชิ้นส่วนหนังสือพิมพ์ เพื่อจะไปชิงโชคทายผลฟุตบอล แล้วได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท แต่ถ้าหากนาย A จะต้องการหักค่าใช้จ่ายก่อนนำไปคำนวณภาษี จะต้องนำเอาไปเป็นหลักฐานค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นจริงมาแสดง เช่น ใบเสร็จรับเงินจากค่าหนังสือพิมพ์ หรือ จะเป็นใบเสร็จรับเงินค่าส่งไปรษณียบัตร เป็นต้น
บอกไว้เลยว่าการเลี่ยงยื่นภาษีเงินรางวัลนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก และอีกทั้งยังมีโอกาสถูกกรมสรรพากรตรวจสอบพบได้ง่ายๆ เพราะผู้ที่จัดชิงโชคจะต้องนำส่งข้อมูลภาษี ให้กับทางสรรพากร รับทราบอยู่แล้วนั้น ดังนั้น จึงควรยื่นภาษีให้ถูกต้องตั้งแต่แรกๆ ขะได้ไม่มีปัญหาอื่นๆ ตามาทีหลัง เพราะถ้าหกาพบการหลีกเลี่ยงภาษี จะต้องมีความผิด และได้รับบทลงโทษทางกฎหมาย ดังนี้
1. กรณีไม่ได้ยื่นแบบภาษีภายในเวลาที่กำหนด ต้องเสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ต้องจ่าย นับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดให้ยื่นแบบจนถึงวันชำระภาษี และมีโทษปรับทางอาญาไม่เกิน 2,000 บาท
2. กรณียื่นเสียภาษีไม่ครบจำนวน จะต้องเสียค่าปรับ 1-2 เท่าของจำนวนภาษีที่ต้องจ่ายทั้งหมด
3. เจตนาที่จะมีความปล่อยละเลยไม่ยอมยื่นแบบภาษีภายในกำหนดเพื่อหนีภาษี จะมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือจำคุกสูงสุด 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
4. จงใจแจ้งข้อความเท็จ หรือแสดงหลักฐานเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี โดยจะต้องมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-200,000 บาท
อ่านเพิ่มเติม หวยหุ้นจีน เป็นอย่างไร